00-15. 00 น. ราคา 2, 588++ บาทต่อคน เท่านั้น ที่ห้องอาหารจีน เย่า เรสเตอรองท์ (Yào Restaurant) นำเสนอเมนูในโอกาสพิเศษนี้ 2 เซ็ต ได้แก่ เซ็ตเมนูติ่มซำวันแม่ ประกอบด้วย ติ่มซำนานาชนิดขนมจีบหอยเป๋าฮื้อ, ฮะเก๋าล็อบสเตอร์, เกี๊ยวฟัวกราส์ท...
เมื่อมีงานแล้วให้เราเช็คว่าเขียนได้ไหม หรือ ต้อง Werite (เอาข้อมูลงานเขียนของคนอื่นมาอ้างอิงในการเขียน) ซึ่งถ้าหากเราต้อง Werite จริง ๆ เราต้องพยายามเขียนให้ออกมาเป็นในแบบของเรามากที่สุด รับงานให้ได้ ห้ามเทงาน หรือไม่เอางานเด็ดขาด เมื่อถึงเวลาสักพักเราจะต้องเจอลูกค้าหลาย ๆ คนต่อกันแน่นอน ซึ่งตอนนั้นแนะนำให้พยายามทำปฏิทินไว้ และควรรู้วันส่งงานของเราให้ตรงเวลา เพื่อความพอใจของลูกค้า สำหรับใครที่อยากเป็นนักเขียนก็ลองเอาวิธีพวกนี้ไปศึกษาก็ได้นะครับ เพื่อที่วันหนึ่งจะมาเด็กที่โตขึ้นและอยากเป็นนักเขียนจริง ๆจะได้เตรียมตัวก่อนเริ่มงานได้ #นักเขียน #งานเขียน
อยากเขียนให้ดี ต้องอ่านให้เยอะ นักเขียนชื่อดังที่ประสบความสำเร็จมากมาย มักจะมีคุณสมบัติเหมือนกัน คือการชื่นชอบในการอ่านหนังสือ เพราะการอ่านจะยิ่งช่วยให้นักเขียนเปิดมุมมองทางด้านการเขียน สร้างไอเดียใหม่ ๆ พัฒนาทักษะทางภาษา ทั้งยังช่วยให้นักเขียนทุกคนค้นพบจุดเด่น จุดด้อยของตัวเองด้วยเช่นกัน ยิ่งอ่านเยอะเท่าไหร่ ก็จะยิ่งรู้เยอะเท่านั้น ยิ่งรู้เยอะเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีไอเดียในการเขียนมากเท่านั้น 4. เพิ่มมุมมอง หลบออกจาก Comfort Zone การจะเป็นนักเขียนที่ดีได้นั้น นักเขียนต้องมีมุมมอง รวมถึงเทคนิคในการเขียนที่หลากหลาย ต้องรู้จักเรียนรู้และปรับเปลี่ยนเทคนิคการเขียนให้แปลกใหม่ และทันสมัยอยู่ตลอดเวลา มิเช่นนั้นผู้อ่านจะรู้สึกเหมือนกับว่าอ่านหนังสือเรียน หรือ Textbook ที่อ่านแค่ไม่กี่นาทีก็เบื่อแล้ว 5. ยอมรับข้อบกพร่องของตัวเอง ไม่มีนักเขียนชื่อดังคนไหน ที่จะหยุดพัฒนาทักษะในการเขียนของตัวเอง เพราะถึงแม้ว่าจะเขียนดีสักแค่ไหน หรือมั่นใจในตัวเองมากแค่ไหน ก็ต้องยอมรับคำติชมจากผู้อ่านให้ได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นคำติชมจากลูกค้า เจ้านาย เพื่อนนักเขียนคนอื่น หรือแม้กระทั่งคนอ่านออนไลน์ ยิ่งคุณเปิดใจรับฟังคำติชมมากเท่าไหร่ คุณจะยิ่งเข้าใจมุมมองคนอ่านมากยิ่งขึ้น และจะสามารถนำไปปรับปรุงงานเขียนของคุณให้ดียิ่งขึ้นได้ 6.
อ่านๆๆๆๆ อ่านทุกอย่างที่ขวางหน้า อ่านวนไปเลยค่ะ! "ยิ่งอ่านยิ่งได้ ยิ่งเก็บประสบการณ์ยิ่งเก่ง" ดังนั้น ไม่ว่าจะเจออะไร หนังสือ เรื่องสั้น หรือบทความที่แชร์กันตามโซเชียลและเว็บต่างๆ อ่านให้หมดค่ะ เพราะเมื่อเรามาเป็นนักเขียนแบบจริงจังแล้ว มุมมองในการอ่านของเราจะเปลี่ยนไปจากคนอ่านทั่วไป เป็นการเก็บเทคนิคต่างๆจากนักเขียนเก่งๆทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้ภาษา การลำดับเหตุการณ์ มุมมองการเล่าเรื่อง รวมถึงมุขต่างๆ และนำมาปรับใช้กับการเขียนบทความของเราได้ เพื่อเพิ่มอรรถรสและทำให้บทความของเราน่าอ่าน และเป็นที่น่าจดจำมากยิ่งขึ้นค่ะ 4. มีมุมมอง เทคนิค และมุขใหม่ๆ ในการเขียนบทความอยู่เสมอ ถ้าคุณเปิดมาเจอบทความที่เขียนเหมือนๆกันหมด ไม่ว่าจะเป็น ประโยคสุดคลาสสิก "ในปัจจุบันนี้... " "คุณเคยสงสัยไหม…? "
ฝึกด้วยการเขียนเรื่องสั้น บางคนสามารถวางพล็อตได้เป็นอย่างดี มีสิ่งที่ต้องการสื่อชัดเจน แต่เมื่อเขียนออกมาแล้วไม่สามารถดำเนินเรื่องจนจบได้ ก็อาจลองกลับมาฝึกฝีมือด้วยการเขียนเรื่องสั้นก่อน เพราะถือเป็นนิยายขนาดย่อ และเมื่อเขียนจบแล้วนอกจากทำให้มีกำลังใจในการเขียนมากขึ้น ยังสามารถมองเห็นจุดเด่นจุดด้อยในงานเขียน และนำไปปรับใช้กับนิยายได้ด้วย 3. หาเอกลักษณ์ของตัวเอง นิยายที่ประสบความสำเร็จนั้น นอกจากเนื้อเรื่องแล้ว เอกลักษณ์ก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะทำให้นิยายของเราต่างจากนิยายของคนอื่นๆ โดยเอกลักษณ์นั้นมักเกิดจากสไตล์ส่วนตัวของผู้เขียน แต่สำหรับมือใหม่อาจจะยากเสียหน่อย เพราะต้องฝึกปรือฝีมือพร้อมกับหาเอกลักษณ์ไปด้วย ซึ่งสามารถสร้างได้ทั้งจากสำนวนภาษา ลักษณะตัวละคร ลักษณะฉาก วิธีการดำเนินเรื่อง หรือแก่นเรื่องที่ต้องการสื่อก็ได้ 4. รับฟังคำวิจารณ์และนำมาปรับปรุง การเป็นนักเขียนนิยายโดยเฉพาะที่ลงบนโลกออนไลน์ ก่อนอื่นต้องแยกให้ออกระหว่างคำวิจารณ์ที่ติเพื่อก่อ กับวิจารณ์เพื่อความสะใจ วิธีดูว่าเป็นแบบไหนคือ ถ้าติเพื่อก่อ มักจะยกข้อบกพร่องขึ้นมาและแนะนำว่าควรแก้ไขอย่างไร ขณะที่การวิจารณ์เพื่อความสะใจ มักจะเป็นการแสดงความเห็นเชิงลบอย่างเดียว เช่น ไม่ชอบ ไม่สนุก ไม่ได้เรื่อง และไม่มีการแนะนำอะไรมาเลย ซึ่งเป็นเพียงความเห็นและรสนิยมของคนเพียงคนหนึ่งเท่านั้น เราสามารถรับฟังได้แต่ก็ควรรับแต่พอดี เพราะไม่อย่างนั้นอาจท้อและหมดกำลังใจได้ 5.
สำนักพิมพ์ สำหรับคนที่อยากส่งนิยายไปที่สำนักพิมพ์โดยตรง ปัจจุบันสามารถส่งต้นฉบับไปให้พิจารณาได้ผ่านอีเมล แต่บางสำนักพิมพ์อาจยังรับต้นฉบับทางไปรษณีย์อยู่ก็ต้องศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนส่ง ผลการพิจารณาอาจช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับสำนักพิมพ์ ส่วนเงินตอบแทนมักได้เป็นเงินค่าต้นฉบับ และเปอร์เซ็นต์จากจำนวนเล่มที่ขายได้ อาจแตกต่างกันไปตามสำนักพิมพ์แต่ละแห่ง 4. บล็อกส่วนตัว บล็อกส่วนตัวเป็นอีกแพลตฟอร์มที่สามารถลงนิยายได้ แต่ปัจจุบันไม่ค่อยนิยมนักเพราะเข้าถึงกลุ่มผู้อ่านได้น้อยกว่าแบบอื่นๆ ยกเว้นเป็นผู้ที่มีฐานแฟนคลับอยู่แล้ว หรือถ้ามีผู้ติดตามจำนวนมากบนโลกออนไลน์ก็อาจลงนิยายในบล็อกส่วนตัวและแชร์ในแอคเคาท์โซเชียลมีเดียของตนเองก็ได้ ข้อควรรู้สำหรับคนที่อยากเป็นนักเขียนนิยาย 1. ใส่ใจพล็อตให้มาก สิ่งนี้ถือเป็นหัวใจของการเขียนนิยาย เพราะพล็อตหรือการวางแผนเนื้อเรื่องทั้งหมดเป็นตัวกำหนดว่านิยายเรื่องนี้ต้องการสื่ออะไร ปมขัดแย้งคืออะไร เนื้อเรื่องจะดำเนินอย่างไร และจบแบบไหน ไม่อย่างนั้นนิยายที่เขียนก็จะมีเนื้อหาที่ออกนอกเรื่อง หรือที่เรียกว่าออกทะเล ทำให้ความน่าสนใจของนิยายน้อยลง และจะยิ่งทำให้เขียนจบได้ยากขึ้นด้วย 2.
นอกจากช่างภาพ และนักออกแบบกราฟิกแล้ว อาชีพนักเขียน ยังเป็นจัดเป็นอีกหนึ่งอาชีพอิสระที่กำลังได้รับความนิยมเช่นกัน เพราะใคร ๆ ก็สามารถเริ่มต้นเป็นนักเขียนได้ง่าย ๆ แต่การจะเริ่มต้นก้าวแรกให้ดีนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ดังนั้นบทความนี้ เราจะมาแนะนำเคล็ดลับง่าย ๆ 6 ข้อในการเริ่มต้นเส้นทางนักเขียนของคุณ เริ่มอย่างไรจึงจะเขียนให้ปังได้ 1. มีความตั้งใจ และกำหนดเป้าหมายให้แน่วแน่ การจะทำสิ่งใด ถ้ามีความตั้งใจ ความสำเร็จก็จะอยู่ไม่ไกล วลีนี้ใช้ได้กับทุก ๆ อย่าง ไม่เว้นแม้กระทั่งเส้นทางการเป็นนักเขียน ใครที่กำลังสนใจอยากทำงานเป็นนักเขียน หรือกำลังสมัครงานนักเขียนอยู่นั้น ควรเข้าใจตัวตนของตัวเองให้ดี กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจนว่าคุณมาทำงานเป็นนักเขียนเพื่ออะไร ชื่นชอบในการเขียนจริงหรือไม่ เพราะถ้าคุณไม่ชอบการเขียน เขียนบทความ หรือเขียนงานไปแค่ไม่กี่บทความ คุณก็จะตันแล้ว แต่หากชอบเขียนหนังสือจริง ๆ คุณจะสนุกไปกับการทำงานแน่นอน 2. ลงมือเขียน การจะเป็นนักเขียนได้ ต้องรู้จักเริ่มต้นลงมือเขียน สิ่งสำคัญคือการฝึกฝนการเขียนเยอะ ๆ ยิ่งในสมัยนี้มีช่องทางให้คุณสามารถเขียนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโซเชียลมีเดีย อย่างเฟซบุ๊ก หรือจะเขียนลงบล็อกเว็บไซต์ จะเขียนลงช่องทางไหนไม่สำคัญ เท่าการที่คุณได้ลงมือฝึกฝนทักษะในการเขียน ยิ่งคุณเขียนเยอะมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งให้คุณเข้าใจสไตล์ในการเขียนของคุณมากยิ่งขึ้น 3.
เห็นพี่ๆนักเขียนประสบความสำเร็จหลายคน ก็เลยอยากลองเป็นนักเขียนดูน่ะค่ะ เคยลองสอบถามมาบ้างแล้วแต่ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ เลยอยากทราบว่า จะเป็นนักเขียน ควรเริ่มต้นจากตรงไหนคะ พื้นฐานมีอะไรบ้าง ควรแบ่งเวลาเขียนอย่างไร เพราะส่วนตัวแค่อยากลองเป็นนักเขียนดูน่ะค่ะ ยังไม่ได้คิดจริงจังเท่าไหร่ อีกอย่างยังเป็นนักเรียนอยู่เลยไม่น่ามีเวลาตายตัวในการเขียนทุกวัน มีใครมีเคล็ดลับอะไรในการแบ่งเวลาบ้างไหมคะ แสดงความคิดเห็น
เขียนให้มีเอกลักษณ์ การเขียนให้มีเอกลักษณ์ คือนักเขียนต้องมีลายเซ็นในงานเขียนของตัวเอง หรือ เอกลักษณ์ในการใช้ภาษาของนักเขียนคนนั้น ๆ ซึ่งผู้อ่านบางคน แค่ได้อ่านสำนวนการเขียน ก็สามารถรู้ได้เลยว่าเป็นงานเขียนของนักเขียนคนไหน ดังนั้นสำหรับคนที่เริ่มต้นเป็นนักเขียนให้หาเอกลักษณ์ในการเขียนของตัวเองให้เจอ หาสไตล์ หาเทคนิคพิเศษ ค้นหาตัวตนของเราในงานเขียนให้เจอ ก็จะทำให้ผู้อ่านจดจำเราได้ 4 เทคนิคออกแบบปกหนังสือให้ชวนอ่าน 4. รู้จักคนอ่านของตัวเอง การที่งานเขียนของเราจะได้รับการเผยแพร่มากน้อยแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับผู้อ่านว่าเค้าจะชอบงานของเราหรือไม่ ซึ่งการที่เรารู้จักคนอ่านของตัวเองก็เป็นสิ่งสำคัญ เราต้องรู้ว่าเขียนให้ใครอ่านอยู่ เช่น เว็บบล็อกของเราจะมีผู้อ่านเป็นผู้หญิงส่วนใหญ่ ที่มีตั้งแต่วัยรุ่นไปจนถึงสาวออฟฟิศ เราก็ต้องจับประเด็นเรื่องที่เขียนหรือที่สื่อสารไปยังผู้อ่าน โดยต้องตอบโจทย์ผู้อ่าน และเขียนในแบบสไตล์ของเราเอง 5.
วิธีการลงทุนและหารายได้เสริมสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่สามารถทำได้จริง! อยากเป็นอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) เริ่มต้นอย่างไรดี? อยากเป็นบล็อกเกอร์ (Blogger) เริ่มต้นอย่างไรดี? อยากเป็นยูทูบเบอร์ (YouTuber) เริ่มต้นอย่างไรดี? อยากเป็นนักแคสท์เกม (Game Caster) เริ่มต้นอย่างไรดี? อยากเป็นนักเขียนนิยาย (Novelist) เริ่มต้นอย่างไรดี? อยากเป็นนักวาดการ์ตูน (Cartoonist) เริ่มต้นอย่างไรดี? อยากขายภาพออนไลน์ (Stock Photo) เริ่มต้นอย่างไรดี? ติดตามบทความการเงิน การลงทุน และบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่
หอย ลาย อบ เนย กระเทียม, 2024